
วู้ดดี้-โอ๊ต อิ่มใจจดทะเบียนสมรส หลังเคยจัดงานแต่ง 11 ปีที่แล้ว
บทพิสูจน์รักแท้ที่ไม่จำกัดเพศอย่างแท้จริง! ของ วู้ดดี้ วุฒิธร มิลินทจินดา และ โอ๊ต อัครพล จับจิตรใจดล หลังจากที่เฝ้ารอมานาน ล่าสุดวู้ดดี้-โอ๊ต ได้จูงมือเข้าพิธีจดทะเบียนสมรสอย่างเป็นทางการ และถูกต้องตามกฎหมาย โดยมีนายทะเบียนจากสำนักงานเขตปทุมวัน ดำเนินการจดทะเบียนสมรส ซึ่งถือเป็นการเริ่มต้นชีวิตคู่อย่างสมบูรณ์แบบ
หลังจากที่ทั้งคู่ได้ยืนหยัดเรียกร้องสิทธิเสรีภาพ และร่วมผลักดันกฎหมายสมรสเท่าเทียมในไทยมาอย่างยาวนาน พร้อมร่วมเฉลิมฉลองหน้าประวัติศาสตร์ใหม่ของประเทศไทย ซึ่งเป็นชาติแรกของอาเซียนที่มีกฎหมายสมรสเท่าเทียมรองรับสิทธิเสรีภาพให้กับคนทุกเพศ โดยมีเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี ให้เกียรติเป็นประธานในงาน พร้อมด้วยคณะทำงานจากหลายภาคส่วนที่ช่วยผลักดันกฎหมายสมรสเท่าเทียม อาทินายชัชชาติ สิทธิพันธุ์, นายดนุพร ปุณณกันต์, นายเกิดโชค เกษมวงศ์จิตร, อรรณว์ ชุมาพร (วาดดาว) ฯลฯ มาร่วมงานอย่างคับคั่ง ท่ามกลางความยินดีของครอบครัว เพื่อนๆ เหล่าเซเลบดาราชื่อดัง ณ โรงแรมเดอะ ริทซ์-คาร์ลตัน กรุงเทพฯ
โดย วู้ดดี้-โอ๊ต กล่าวว่า วันนี้รู้สึกอิ่มใจมาก คนที่เรารักก็มารวมกันอยู่ตรงนี้ ความรักได้กระจายตัวออกไป ได้เป็นเราแบบ 100% มันไม่ใช่แค่เรื่องของเพศสภาพ มันเป็นความสมบรูณ์แบบของการสร้างครอบครัว สมรสเท่าเทียมเราใช้เวลาเดินทางมา 10 กว่าปี เรามาไกลมาก จากนี้ไปมันก็จะพัฒนาไปเรื่อยๆ ตามกาลเวลา ความเหมาะสม มนุษย์ทุกคนในประเทศไทยวันนี้มีความเท่าเทียมกันหมดแล้ว ผมคิดว่าสิ่งที่ทั้งโลกต้องมีคือการให้เกียรติ ยอมรับ และเข้าใจ

ความเท่าเทียมกันหมดแล้ว ผมคิดว่าสิ่งที่ทั้งโลกต้องมีคือการให้เกียรติ ยอมรับ และเข้าใจ
เมื่อ 11 ปีที่แล้ว เราทั้งคู่ได้จัดพิธีแต่งงานแบบส่วนตัว ท่ามกลางกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในสังคม และยังไม่มีกฎหมายรองรับ มาถึงวันนี้ที่ประเทศไทยเปิดกว้าง ยอมรับในความหลากหลายทางเพศทุกรูปแบบ นับเป็นก้าวสำคัญที่แสดงถึงความเปลี่ยนแปลงในสังคมไทย ดังนั้น การแต่งงานในครั้งนี้ จึงถือเป็น perfectly married การแต่งงานที่สมบูรณ์แบบ และถูกต้องตามกฎหมาย
ทั้งนี้วู้ดดี้-โอ๊ต ขอร่วมฉลองพร้อมกับคู่รักทุกคู่ ที่ได้แต่งงานอย่างถูกต้องจากกฎหมายสมรสเท่าเทียมฉบับนี้ ซึ่งถือเป็นการก้าวเข้าสู่ชีวิตคู่ที่มั่นคง มีสิทธิในการสร้างครอบครัวโดยไม่จำกัดเพศ และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าเรื่องราวการขับเคลื่อนกฎหมายสมรสเท่าเทียมในไทยจะเป็นแรงบันดาลใจให้อีกหลายประเทศทั่วโลกที่กำลังรอคอยเสรีภาพ หันมาพิจารณาการรับรองสิทธิของชาว LGBTQIAN+ มากขึ้น เหมือนที่ประเทศไทยทำสำเร็จแล้วในวันนี้


ใส่ความเห็น